วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

10 สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่ต้องไปเยือน


1. พระราชวังอิมพีเรียล
 

พระราชวังอิมพีเรียล แต่เดิมมีชื่อว่า พระราชวังเอะโดะ อีกหนึ่งสถานท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่เมืองโตเกียว เพราะเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่น เดิมที่นี่เป็นหมู่บ้านประมงเล็กที่ชื่อ เอะโดะ ที่ถูกตั้งเป็นฐานที่มั่น รวมทั้งถูกตั้งเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหาร ต่อมาได้ขยายเมืองให้ใหญ่ขึ้น จนมีประชากรและพื้นที่เมืองขนาดใหญ่มากขึ้น หลังจากนั้นเข้าสู่ยุคปฏิรูปเมจิ การล้มล้างการปกครองแบบโชกุนลง จักรพรรดิเมจิจึงย้ายเมืองหลวงมาที่เอะโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโตเกียวในปัจจุบัน ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรมของประเทศ และถูกเปลี่ยนให้เป็นพระราชวังในเวลาต่อมา มีชื่อเรียกว่า พระราชวังอิมพิเรียล ในปัจจุบัน ซึ่งภายในล้อมรอบด้วยคูเมือง ประตูทางเข้าที่งดงาม และป้อมปราการเก่าแก่ตั้งอยู่ห่างกันเป็นช่วง ๆ ทางเข้าหลักอยู่ใกล้กับนิจูบะชิ สะพานสองชั้น และจะเปิดให้คนภายนอกเข้าชมตามวาระพิเศษต่าง ๆ สวนตะวันออกฮิงะชิ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหอคอยใหญ่ ภายในสวนงดงามไปด้วยดอกไม้หลากหลายพันธุ์ และจะผลิบานตามแต่ฤดูกาล เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการสถานที่พักผ่อนในอุดมคติ

 2. โตเกียว ทาวเวอร์ 
 

โตเกียว ทาวเวอร์ หอคอยสื่อสารขนาดใหญ่ที่สวยงามมาก ตั้งอยู่ในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเพราะใน 1 ปี มีผู้ร่วมเข้าชมถึง 2 ล้าน 5 คน อีกทั้งยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงอำนาจและอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลก เป็นที่ถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ วิทยุ ซึ่งที่นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากหอคอยสูงในปารีส สร้างในสไตล์สถาปัตยกรรมโบราณแบบญี่ปุ่น ทั้งนี้ โตเกียว ทาวเวอร์ จะเปิดทำการตั้งแต่ 09.00-20.00 น. โดยไม่มีวันหยุด ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่มาเยือนที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่นเลย

3. หมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะ
 

ชิราคาวาโกะ (Shirakawako) หมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น หลังคามุงด้วยฟางข้าว สร้างขึ้นด้วยมือที่เรียกว่า การสร้างบ้านแบบ กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri) เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุมากกว่า 250 ปี คำว่า "กัสโช" หมายความว่า พนมมือ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวชันถึง 60 องศา คล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน มุงแบบลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว ตัวบ้านมีความยาวประมาณ 18 เมตร และมีความกว้าง 10 เมตร สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู ซึ่งบางแห่งสามารถเข้าพักค้างคืนได้ แถมยังเป็นกิจการที่เปิดภายในครัวเรือนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เห็นการใช้ชีวิตแบบดั่งเดิมของชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

 4. ภูเขาฟูจิ
 

ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลก มีความสูงถึง 3,776 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะ และสามารถมองเห็นได้จากโตเกียวและโยโกฮาม่าในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง วิธีที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิที่ง่ายที่สุด คือ นั่งชมจากรถไฟสายโทไกโดที่วิ่งระหว่างเมืองโตเกียวและโอซาก้า ถ้าคุณนั่งชินกันเซ็นจากโตเกียวที่มุ่งหน้าไปยังนาโงย่า เกียวโต และโอซาก้า ช่วงที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิ คือ ช่วงสถานีชิน-ฟูจิ หรือประมาณ 40-45 นาที หลังจากออกจากโตเกียว ซึ่งจะมองเห็นได้ทางด้านขวามือของรถไฟ แต่สำหรับผู้ที่อยากชมภูเขาฟูจิอย่างเต็มอิ่ม และแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงามขอเชิญที่ ทะเลสาบทั้งห้า (Fuji Five Lake or Fujigoko) หรือที่ ฮะโกะเนะ ซึ่งเป็นรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อนและเป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติ Fuji-Hakone-Izu
นอกจากนี้ รอบ ๆ ภูเขาฟูจิเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม และเป็น อุทยานแห่งชาติฟูจิฮะโกะเนะอิซุ มีทะเลสาบ 5 แห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โมโตสุโกะ โชจิโกะ ไซโกะ และมีออนเซนหลายแห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โอชิโนะโกะ ฯลฯ นับได้ว่า ภูเขาฟูจิ มีอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีชื่อภูเขาปรากฏอยู่ในบทกลอนญี่ปุ่นหรือภาพพิมพ์ญี่ปุ่น และทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อบริษัท ชื่อสินค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนตั้งชื่อว่า ฟูจิ เรียกว่าภูเขาฟูจินี้เป็นหัวใจของญี่ปุ่นก็ว่าได้ ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ภูเขาฟูจิเปิดอย่างเป็นทางการให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปปีน



10 สถานที่ ควรไปสัมผัสในสวิตเซอร์แลนด์


10 สถานที่ ควรไปในสวิตเซอร์แลนด์

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สวยงามและเงียบสงบไม่แพ้ที่ไหน ๆ ในโลก จึงเป็นประเทศที่ใครหลาย ๆ คนฝันอยากจะไปท่องเที่ยว เพื่อสัมผัสกับความงามของที่นี่ด้วยตาของตัวเองสักครั้ง อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นอีกคนที่สนใจอยากจะไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร ที่ไหนบ้างดี วันนี้เรามีข้อแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับสถานที่ที่คุณควรไปเยือนมาฝาก ลองมาอ่านกันดูเลยค่ะ

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

1. ชมงานศิลป์ที่เมือง Basel

           เมืองนี้เป็นอีกเมืองที่รวบรวมงานศิลปะสวย ๆ เอาไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะที่ Fondation Beyeler ที่รวบรวมภาพเขียนของศิลปินชื่อดังตั้งแต่ใอดีตหลายคน ยกตัวอย่างเช่น Bacons, Monets และ Picassos นอกจากนี้ ในเมือง Basel ยังมี Kunstmuseum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ที่รวบรวมงานศิลป์สวย ๆ ทั้งแนวย้อนยุคและแบบร่วมสมัยอีกเอาไว้อีกด้วย เรียกได้ว่า ผู้ที่รักศิลปะนั้นไม่ควรพลาดเด็ดขาด

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

2. สัมผัสวิวแม่น้ำสวย ๆ ได้ที่นี่

           สมัยนี้การจะมองหาทิวทัศน์ของแม่น้ำลำธารสวย ๆ ใสสะอาดเหมือนสมัยก่อนนั้นเป็นเรื่องที่ยากเต็มที เพราะคนไม่รู้จักรักษาสิ่งแวดล้อม ขยันทิ้งขยะลงแม่น้ำกันเป็นประจำ แถมยังได้รับมลพิษจากของเสียที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ อีกด้วย แต่ไม่ใช่กับประเทศนี้ เพราะมีการรักษาความสะอาดกันเป็นอย่างดี ทำให้น้ำในแม่น้ำที่นี่ยังคงใสสะอาด และยังมีแม่น้ำจำนวนมากกว่า 10 สาย ให้เราได้เลือกพักผ่อนหย่อนใจริมแม่น้ำได้ตามใจชอบ เช่น แม่น้ำอาเร, แม่น้ำโป และแม่น้ำไรน์ซึ่งมีความยาวมากที่สุดในประเทศ ด้วยความยาวถึง 375 กิโลเมตร

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

3. แวะเล่นสกีที่ Zermatt

           เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อย่างเมือง Zermatt นั้น มีจุดเด่นอยู่ที่ภูเขา Matterhornที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาชมวิวที่ยอดเขา และเล่นสกีกันที่นี่ ทำให้โรงแรมในแถบนั้นมีแขกพักเต็มอยู่เสมอ จนบางครั้งก็ถึงกับต้องจองกันล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือนเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น ถ้าใครวางแผนจะไปเที่ยวที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ล่ะก็ อย่าลืมเพิ่มทริปเล่นสกีที่ Zermatt เข้าไปในโปรแกรมของคุณด้วย

สวิตเซอร์แลนด์

4. สิ่งก่อสร้างก็โดดเด่นไม่แพ้ที่ไหน ๆ

           สถาปัตยกรรมของที่นี่ ถือว่าโดดเด่นไม่แพ้สิ่งแวดล้อมจากธรรมชาติรอบข้าง เพราะสวิตเซอร์แลนด์ขึ้นชื่อในเรื่องสิ่งก่อสร้างสวยงามค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นแบบย้อนยุคคลาสสิกที่พบได้ในแถบชานเมือง หรือแบบโมเดิร์นสมัยใหม่เก๋ ๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในประเทศแห่งนี้ เพราะฉะนั้น หากมีเวลาก็อย่าลืมลองเดินท่องเที่ยว เพื่อสำรวจและซึมซับสถาปัตยกรรมที่งดงาม เป็นเอกลักษณ์สวิตเซอร์แลนด์กันนะ

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์



ประเทศไทย สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดราชบุรี อำเภอ สวนผึ้ง




18 ที่เที่ยวสวนผึ้ง น่าไปสัมผัสสุด ๆ

ที่เที่ยวสวนผึ้ง น่าไปสัมผัสสุด ๆ


สวนผึ้ง ราชบุรี นับเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลากหลายแนว ทั้งน้ำตก ภูเขา รวมถึงมีที่พักสวย ๆ ตกแต่งอย่างมีสไตล์ และนอกจากที่พักสวนผึ้งเก๋ ๆ แล้ว บรรดารีสอร์ทต่าง ๆ ก็ยังสอดแทรกเอาเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมาดึงดูดนักเดินทางให้ไปเยี่ยมเยือนซะด้วย เพราะฉะนั้น นักเดินทางที่มีแพลนไปเที่ยวสวนผึ้งแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน หรือไปเที่ยวที่ไหนดี ก็ตามกระปุกท่องเที่ยวไปดูกันเลยว่า 18 ที่เที่ยวสวนผึ้งน่าไปสัมผัสมีที่ไหนบ้าง ลองดูสิว่าจะโดนใจกันบ้างหรือเปล่า


สถานที่ท่องเที่ยวสวนผึ้ง

 1. บ้านหอมเทียน

ที่เที่ยวสวนผึ้ง น่าไปสัมผัสสุด ๆ

          ถือเป็นอีกหนึ่งแลนมาร์คของอำเภอสวนผึ้งก็ว่าได้ สำหรับ “บ้านหอมเทียน” ประมาณว่าใครไปสวนผึ้งแล้วไม่ได้ไปที่นี่ถือว่าไปไม่ถึงนะจ๊ะ เพราะนอกจากจะมีเทียนหอมรูปร่างแปลกตาน่ารักน่าชัง ของฝาก และของทำมือดีไซน์เก๋ให้เลือกช้อป เลือกดูกันแล้ว ยังมีกิจกรรมทำเทียน, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, มุมศิลปะอย่าง, วาดภาพเหมือน และบริการนวดแผนไทย ฯลฯ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือมุมโพสท่าถ่ายภาพเก๋ ๆ แจ่ม ๆ ที่มีให้เลือกสรรกันตามใจกันเพียบ

          อัตราค่าบริการ : 40 บาท
          ที่อยู่ : อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 
          โทรศัพท์ : 08 1995 8144, 0 2402 8032
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก บ้านหอมเทียน 

 2. อัลปาก้าฮิลล์ สวนผึ้ง

ที่เที่ยวสวนผึ้ง น่าไปสัมผัสสุด ๆ

          อัลปาก้าฮิลล์ ฟาร์มอัลปาก้าแห่งแรกและแห่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดของไทย ดินแดนอันแสนสวยงามซึ่งเต็มไปด้วยอัลปาก้าขนปุย วิ่งเล่นอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวกว่า 250 ไร่ โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น ป้อน กอด และหยอกล้อกับสัตว์ที่เป็นมิตรอันหลากหลาย ทั้งอัลปาก้า จิงโจ้แคระ กระต่ายยักษ์ หนูตะเภา และอื่น ๆ อีกมากมาย อ๊ะ ๆ แต่เนื่องจากมีผู้ให้ความสนใจเข้าชมน้องอัลปาก้าเป็นจำนวนมาก เกินกว่าที่กำหนดไว้ต่อวัน (เพียง 200 ท่าน/วัน) อัลปาก้าฮิลล์จึงจะรับลูกค้าผ่านระบบทางการจองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์เท่านั้น (สอบถามรายละเอียดได้ที่ 08 0821 2108/08 1145 9565)

          อัตราค่าบริการ : บัตรธรรมดา 190 บาท, บัตร VIP 290 บาท, บัตร VIP EXPRESS 390 บาท และบัตร YEAR PASS 500 บาท หรือดูรายละเอียดได้ที่ alpacahill.com
          ที่อยู่ : 357 หมู่ 8 ถนนผาปก-ตะโกล่าง ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ : 08 0821 2108 และ 08 1145 9565
          วันเวลาเปิด-ปิด : วันศุกร์ เวลา 09.30-18.00 น., วันเสาร์ เวลา 09.00-18.30 น. และอาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
          เว็บไซต์ : alpacahill.com

 3. ไร่องุ่นปัญญาสวรรค์

ที่เที่ยวสวนผึ้ง น่าไปสัมผัสสุด ๆ

          ไร่องุ่นปัญญาสวรรค์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรในรูปแบบที่ไม่เหมือนใครในอำเภอสวนผึ้ง ที่ทุกท่านต้องมาสัมผัสด้วยตัวท่านเอง (ไม่เสียค่าเข้าชม) และทางไร่ยังได้มีบริการสถานที่กางเต็นท์ที่ให้ความเป็นส่วนตัวและมีความเป็นธรรมชาติอีกด้วย สำหรับการเดินทางจากหน้าอำเภอสวนผึ้งตรงมาตามเส้นทางหลัก 14 กิโลเมตร จะเจอสามแยกที่มีป้อมตำรวจ ให้เลี้ยวขวาและตรงเข้ามาอีก 4 กิโลเมตร ไร่อยู่ซ้ายมือ

          ที่อยู่ : อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 
          โทรศัพท์ :  08 1017 0704 และ 08 1007 0668
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก ไร่องุ่นปัญญาสวรรค์ อ.สวนผึ้ง


 4. ตลาดน้ำสวนผึ้ง Veneto

ที่เที่ยวสวนผึ้ง น่าไปสัมผัสสุด ๆ

          ตลาดน้ำสวนผึ้ง Veneto พร้อมแล้วที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งผู้ที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนอันแสนโรแมนติก และศูนย์การค้าสุดอลังการกับรูปแบบของอาคารและร้านค้าที่ออกแบบมาอย่างลงตัว เพื่อความสนุกสนานในการจับจ่าย และเลือกซื้อสินค้า โดยร้านค้าตลาดน้ำ Veneto ถูกออกแบบอย่างมีสไตล์และมีเอกลักษณ์ ภายใต้กลิ่นอายอันแสนโรแมนติกของ Santorin ด้วยความโดดเด่นของตัวอาคารสีขาวสะอาดตาตัดกับสีน้ำเงินสด ท่ามกลางเทือกเขาที่เขียวขจีจนมีเอกลักษณ์และรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังได้ตื่นตาและเพลิดเพลินกับการเก็บภาพความประทับใจของลานน้ำพุ หอระฆัง และสวนหย่อม โดยจะเริ่มเปิดให้ท่องเที่ยวเดือนตุลาคม 2556

          อัตราค่าบริการ : สอบถามโดยตรงจากทางตลาดน้ำ
          ที่อยู่ : อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ :  09 1561 8848
          เว็บไซต์ : venetosuanphueng.com และ เฟซบุ๊ก ตลาดน้ำสวนผึ้ง Veneto 


 5. กล้วยไม้ออร์คิด

ที่เที่ยวสวนผึ้ง น่าไปสัมผัสสุด ๆ

          ใครชอบกล้วยไม้ไม่ควรพลาดกับ “สวนผึ้งออร์คิด” ศูนย์รวมแวนด้า แอสโดเซนด้า ลูกผสมหลากสีสวยงาม มีให้เลือกกันอย่างมากมาย ชอบต้นไหนก็ซื้อกลับบ้านได้เลย ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยยันหลักพัน สถานที่สะอาด บรรยากาศสบาย โดยมีเจ้าของร้านใจดีอย่าง พี่เล็ก อนุโพธิ์ พรายมณี ที่ให้การต้อนรับพร้อมแนะนำให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับต้นกล้วยไม้เป็นอย่างดี พร้อมจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง ทั้งนี้ ตอนนี้ทางสวนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมสร้างทางเดินเป็นแพในบ่อเลี้ยงปลา สำหรับผู้ที่ต้องการไปให้อาหารปลากลางบ่อ เป็นอีกจุดหนึ่งสำหรับเด็ก ๆ ที่ไม่อยากเดินชมสวนจ้า

          อัตราค่าบริการ : เปิดให้เข้าชมฟรี
          วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
          ที่อยู่ : 313/2 หมู่ 3 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัด ราชบุรี    
          โทรศัพท์ :  0 3271 1230
          เว็บไซต์ : suanpheungorchids.com และ เฟซบุ๊ก Suanpheungorchids-สวนผึ้งออร์คิด 

 6. จุดชมวิวห้วยคอกหมู  

          สุดเขตดินแดนสยาม สูงจากระดับน้ำทะเล 800 เมตร เป็นพื้นที่ของฐานปฏิบัติการห้วยคอกหมูร้อย ตชด.137 แต่เดิมเป็นช่องทางการค้าไม้ที่รับการสัมปทานการค้าระหว่างไทย-พม่า ปัจจุบันนี้การค้าระหว่างไทย-พม่าได้ถูกยกเลิกไปแล้ว เส้นทางนี้จึงได้มีการพัฒนาปรับปรุงเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวชมวิวภูเขาและชายแดนไทย-พม่า อีกทั้งบนจุดชมวิวห้วยคอกหมูนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นภูมิประเทศอันสวยงามของเทือกเขาตะนาวศรีและชายแดนพม่า พร้อมกับสัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็นและนกนานาชนิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมหนาแน่นดุจดั่งทะเลหมอก สวยงามไม่แพ้ภาคเหนือ ขณะที่ในวันท้องฟ้าโปร่งจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่งดงาม

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานเพชรบุรี (เพชรบุรี, ราชบุรี) โทรศัพท์ 0 3247 1005-6, 0 3247 1502 เวลา 08.30-16.30 น.